Google Pixel Watch 4 Wifi

สรุปจุดเด่นของ Pixel Watch 4

1. หน้าจอโดมใหม่ (Actua 360 Display)

เป็นจอที่โค้งทั้งแผง (ไม่ใช่แค่กระจก), เพิ่มพื้นที่การแสดงผลขึ้น 10% และลดขอบจอลง 16%‎ 

ความสว่างสูงถึง 3,000 นิต — สูงขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน — ทำให้อ่านง่ายแม้อยู่กลางแดดจ้า

2. แบตเตอรี่ อึด & ชาร์จเร็ว

อายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 30 ชั่วโมง (รุ่น 41 มม.) และ 40 ชั่วโมง (รุ่น 45 มม.) โดยเปิด Always-On Display

โหมด Battery Saver ทำให้สามารถใช้งานได้เพิ่มเป็น 2–3 วัน

ชาร์จเร็ว: ได้แบตเตอรี่ประมาณ 50% ในเวลาเพียง 15 นาที

การวางชาร์จถูกออกแบบใหม่ — วางข้างแท่นชาร์จแล้วเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะเล็กๆ

3. ดีไซน์ ง่ายต่อการซ่อม (Repairable)

ตัวเรือนทำจากอลูมิเนียมเกรดอวกาศ + กระจก Gorilla Glass และกันน้ำได้ถึง 50 เมตร (5 ATM / IP68)

แกะเปลี่ยนแบตเตอรี่และหน้าจอได้ — ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ — ภาพรวมดีไซน์ภายในง่ายต่อการซ่อมกว่าเดิม

4. สถาปัตยกรรมอัปเกรด

ใช้ชิป Snapdragon W5 Gen 2 พร้อม ML co-processor ใหม่ — ประมวลผลเร็วขึ้น 25% แต่กินไฟน้อยลงครึ่งหนึ่ง

มาพร้อม RAM 2 GB และหน่วยความจำ 32 GB, ใช้ Wear OS 6 และอินเทอร์เฟซ Material 3 Expressive ที่ทันสมัย

5. ฟีเจอร์สุขภาพ & ฟิตเนสฉลาดยิ่งขึ้น

เทรคการนอนแม่นขึ้น 18% ด้วย AI สุดฉลาด

เพิ่มเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนังและ dual-frequency GPS สำหรับความแม่นยำในการติดตามกิจกรรมกลางแจ้งสูงขึ้นมาก

ฟีเจอร์ใหม่: สตรีมสถิติการปั่นจักรยานเรียลไทม์, โหมดออกกำลังกายมากกว่า 50 แบบ รวมถึง Pickleball และ Basketball; ระบบ AI ช่วยจำรูปแบบการออกกำลังกายอัตโนมัติแม้คุณลืมเปิดเอง 

6. AI Health Coach จาก Gemini

มีโค้ชฟิตเนสและการนอนส่วนตัวบนข้อมือ ให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์จากข้อมูลของคุณ ผ่านแอป Fitbit (เริ่มทดลองใช้ในสหรัฐฯ เดือนตุลาคมนี้) 

7. ฟีเจอร์ความปลอดภัย & การเชื่อมต่อขั้นสูง

รองรับ Satellite SOS ส่งสถานะฉุกเฉินแม้ไม่มีสัญญาณมือถือ (เฉพาะรุ่น LTE ในสหรัฐฯ) 

ยังมีฟีเจอร์ Safety: Loss of Pulse Detection, Fall Detection, Car Crash Detection และ Safety Check

8. การเข้าถึง AI ที่ง่ายกว่าที่เคย

เข้าถึง Gemini โดยไม่ต้องกดปุ่ม — เพียง “ยกข้อมือแล้วคุย” (Raise to Talk)

รองรับ Smart Replies และคำสั่ง AI แบบ Contextual เช่นตอบกลับข้อความหรือเช็คตารางใน Gmail/Calendar ได้ทันที