สวัสดีครับ หลังจากที่ตลาด Smartwatch ได้มีการเปิดตัวกันไปเมื่อราวๆ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงแรกๆ บริษัทที่ทำตลาดในกลุ่ม Smartwatch จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีเป็นหลักทั้งในกลุ่มตลาด Android Wear อย่าง Motorola, LG, Asus, Hauwei และ Sony กลุ่ม Apple watch โดย Apple และกลุ่ม Pebble ซึ่งในช่วงหลังจากเปิดตัวมา กระแสตอบรับในกลุ่ม Smartwatch ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น มีการปล่อยรุ่นใหม่ออกตามมาเรื่อยๆ ด้วยแนวโน้มการเติบโตที่มากขึ้นของ Smartwatch ทำให้บริษัทผู้ผลิตนาฬิกาคลาสสิกอย่าง Fossil, Tag Heuer และ Casio ตัดสินใจกระโดดเข้ามาทำตลาด Smartwatch กับเค้าด้วย เพื่อเป็นการเริ่มต้นการปรับตัวเข้าสู่ตลาดใหม่ และสร้างการรับรู้แบรนด์ทั้งในโลกของนาฬิกาคลาสสิกและนาฬิกา Smartwatch โดยวันนี้เราจะมารีวิว Smartwatch ตัวแรกของ Fossil กันที่ใช้ Android Wear เป็นพื้นฐานมาในชื่อ Fossil Q Founder นั้นเอง
Fossil Q Founder เปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนตุลาคม โดยได้เปิดตัวมาในราคา $295 สำหรับสาย Stainless และราคา $275 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวม vat ทั่วไป 9%) สำหรับสายหนังสีน้ำตาล และเริ่มวางจำหน่ายจริงผ่านทางเว็บ Google Store และ Fossil ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งช่วงแรกมีจำหน่ายเพียงแค่สาย Stainless ส่วนสายหนัง มีจำหน่ายจริงภายหลังในเดือนธันวาคม สำหรับราคานั้นก็เป็นระดับราคาเดียวกับ Android wear ตัวอื่นๆที่วางตลาดอยู่ตอนนี้ ซึ่งจะถูกกว่านิดนึง และข้อดีของรุ่นนี้เลยก็คือ หากอยากได้สาย Stainless นั้น จ่ายเพิ่มจากสายหนังเพียงแค่ $20 ขณะที่ทางฝั่ง Motorola และ Hauwei หากต้องการอัพเกรดเป็นสายเหล็กต่างต้องเพิ่มอีก $50
รูปร่างภายนอก
ตัวเรือนของ Fossil Q Founder ทำมาจาก Stainless และประกอบไปด้วยเม็ดดุม 1 เม็ดตามมาตรฐานของ Android Wear ทำหน้าที่เป็นปุ่ม Home, เปิดปิดเครื่องและหน้าจอ หน้าปัดเป็นหน้าปัดทรงกลมซึ่งหลังๆมา Android Wear เกือบทุกยี่ห้อจะออกหน้าปัดกลมเกือบหมดแล้ว เนื่องจากความนิยมที่มากกว่า ความกว้างหน้าปัดของ Fossil Q Founder วัดจากขอบตัวเรือนจะกว้างที่ 47 มม. สำหรับความหนาของตัวเรือน Fossil Q Founder คงต้องยกให้เป็นแชมป์เรื่องความหนาสำหรับ Android Smartwatch เลยเนื่องจากมันหนาถึง 13 มม. ซึ่งมากกว่า Android Smartwatch อื่นๆที่เฉลี่ยหนาที่ 10-12 มม.เท่านั้น
สายนาฬิกาจะเป็นสายขนาด 22 มม.ทั้งสายสแตนเลสและสายหนัง ซึ่งหากเราไม่ชอบก็สามารถหาซื้อสายใหม่ตามร้านนาฬิกามาเปลี่ยนได้เลย โดยแค่เลือกสายที่กว้าง 22 มม.ก็เปลี่ยนได้หมดครับ
ในส่วนของน้ำหนัก อันนี้ก็คงต้องยกให้เป็นนาฬิกา Andriod Smartwatch ที่หนักที่สุดอีกเช่นเคย โดยเฉพาะสายสแตนเลสของรุ่นนี้น้ำหนักจะอยู่ที่ 173 กรัม ซึ่งน้ำหนักจะใกล้เคียงกับนาฬิกาคลาสสิกทั่วไปของ Fossil เอง ซึ่งสร้างความคุ้นเคยให้กับผู้สวมใส่ในส่วนนี้ ขณะที่ถ้าเป็น Smartwatch สายโลหะอย่างฝั่ง Motorola น้ำหนักก็จะอยู่ที่เพียง 100 กว่ากรัมนิดๆ และสำหรับสายหนังของ Fossil Q Founder จะหนักอยู่ที่ประมาณ 72 กรัมครับ
ด้วยการวัสดุ การออกแบบ ขนาด ความหนา และน้ำหนักของ Fossil Q Founder ทำให้ Q Founder เป็น Smartwatch ที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็นเพียงแค่ Smartwatch เพราะมันถูกออกแบบมาให้เมื่อสวมใส่แล้วความรู้สึกใกล้เคียงกับนาฬิกาคลาสสิกที่สุด โดยยังคงไว้ซึ่งแฟชั่นและสไตล์ตามแบบฉบับของ Fossil เอง
หน้าจอ
หน้าจอของ Fossil Q Founder ใช้หน้าจอทัชสกรีนชนิด LTPS LCD ขนาด 1.5 นิ้ว ที่ความละเอียด 360 x 326 ที่ 240 PPI ซึ่งเป็นหน้าจอชนิดวงกลม แต่ว่าจะมีส่วนเหว้าของหน้าจอด้านล่างนิดนึงที่เป็นพื่นที่สีดำ เนื่องจากส่วนนั้นใช้สำหรับวางเซนเซอร์วัดแสง (Ambient Light Sensors) ทำให้หน้าจอจะไม่ถึงกับกลม 360 องศาซะทีเดียว แต่ด้วยความที่มีเซนเซอร์วัดแสง ทำให้หน้าจอสามารถปรับเพิ่มลดความสว่างของหน้าจอได้อัตโนมัติตามสภาวะแสง ณ ขณะนั้นๆ ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นหน้าจอได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
Spec ภายใน
Fossil Q Founder ถือเป็น Android Wear รุ่นแรกที่ใช้ CPU จากฝั่ง Intel (รุ่น 2 ที่ใช้ Intel คือ TAG Carrera Connected) โดยใช้ Chipset Intel® Atom™ 1.6GHz dual core processor รุ่น Z34XX ในขณะที่เจ้าอื่นๆ ใช้ CPU จากฝั่งของ Snapdragon เป็น Chipset Qualcomm® Snapdragon™ 400 พร้อม CPU 1.2 GHz กันเกือบหมด
หน่วยความจำภายในสำหรับลงโปรแกรมให้มาที่ 4GB ตามมาตรฐานของ Android Wear ส่วน RAM นั้นใส่มาที่ 1024 MB ซึ่งให้มากกว่า Android Wear เจ้าอื่นๆที่ใส่มาให้เพียง 512 MB ซึ่งในอนาคตที่ตัวระบบต้องการ RAM มากขึ้นก็จะทำให้ไม่มีปัญหาเนื่องจากใส่มาเผื่อพอสมควรทีเดียว
Battery, ระบบชาร์จ และระยะเวลาการใช้งาน
Fossil Q Founder มีแบตเตอร์รี่ที่ 400mAh โดยชาร์จแบตผ่านระบบไร้สาย (Qi Technology) ด้วยแท่นชาร์จที่ให้มา ขณะชาร์จจะมีไฟแสดงสถานะที่ตัวชาร์จเป็นสีแดง และเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเมื่อแบตเต็ม
ระยะเวลาการใช้งานแบบ always-on screen จะอยู่ที่ประมาณ 1 วันกว่าๆสำหรับการใช้งานทั่วๆไป ฉะนั้นอาจจะต้องมีการชาร์จทุกคืน แต่หากเลือกให้หน้าจอดับเมื่อไม่ใช่จะอยู่ได้ถึง 2 วันสบายๆ ซึ่งผู้รีวิวเองก็ใช้โหมดนี้
ในส่วนของ Spec อื่นๆ
Fossil Q Founder เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth® 4.1 LE ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมือถือที่มี Bluetooth® 4.0 ขึ้นไป และสามารถเชื่อมต่อกับ Wifi ได้โดยตรง
เป็น Activity Tracker โดยทำงานผ่าน Sensors 3-Axis Accelerometer (เซ็นเซอร์วัดความเร่ง), 3-Axis Gyroscope (เซ็นเซอร์วัดการหมุน) แต่สิ่งที่ Fossil Q Founder ไม่ได้ใส่มาให้คือ Heart Rate Sensor
ตัวเครื่องเป็นระบบปิดตามมาตรฐาน IP67 ซึ่งกันฝุ่นกันน้ำ (ระดับ IP67 หมายถึงผลิตภัณฑ์นี้จะทำงานต่อได้แม้จะค่อยๆ จมลงในถังน้ำประปาที่อยู่นิ่งในอุณหภูมิห้องเป็นเวลาประมาณ 30 นาที และน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร)
ซอร์ฟแวร์
Fossil Q Founder ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Wear 1.3 ซึ่งทำงานบนพื้นฐานของ Android 5.1.1 ซึ่งเป็นตัวซอร์ฟแวร์ล่าสุดของ Android Wear แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมเสริมจากฝั่งของ Fossil เองสำหรับทำงานร่วมกับนาฬิกา คือโปรแกรม Fossil Q
สรุปภาพรวม
ข้อดี ต้องถือว่า Fossil Q Founder นั้นให้ความรู้สึกโดดเด่นในเรื่องของสไตล์ การออกแบบและความรู้สึกขณะสวมใส่ได้ใกล้เคียงกับนาฬิกาคลาสสิกที่เราใส่อยู่ทุกๆวันอย่างมาก จอที่ปรับระดับความสว่างได้อัตโนมัติ และสเปคที่จัดมาเกินเพื่อนนิดนึงเพราะใส่ RAM มาให้ถึง 1024 MB
ข้อเสีย ขาด Heart Rate Sensor ไปในขณะที่เจ้าอื่นๆเขามีกันเกือบหมด
จากสไตล์และการออกแบบ Fossil Q Founder อาจเหมาะกับคนที่ชอบใส่นาฬิกาเพื่อเรื่องของแฟชั่น การใช้งานทั่วๆไปโดย และการรับการแจ้งเตือนต่างๆร่วมกับมือถือ แต่อาจจะไม่เหมาะกับผู้ชอบเล่นกีฬาที่ต้องใช้เซนเซอร์วัดการเต้นของหัวใจหรือต้องการ GPS เพื่อแทรกข้อมูลการวิ่งโดยเฉพาะ ซึ่งราคาก็ถือว่าอยู่ในระดับราคาที่คุ้มค่าเนื่องจากจ่ายพอๆกัน แต่ได้เป็นสายสแตนเลส ขณะที่แบรนด์อื่นๆจะได้เป็นสายหนัง
ทิ้งท้ายกันด้วย วีดีโอรีวิวและตัวอย่าง watch face ที่มีมาพร้อมตัว Fossil Q Founder มาให้ชมกันครับ โดย watch face เมื่อดึงออกมาจะเป็นภาพสี่เหลี่ยมตามด้านล่าง กระผมพีดจาก Thainexusman ก็ขอจบการรีวิว Fossil Q Founder แต่เพียงเท่านี้ มีโอกาสจะมารีวิวสินค้าตัวอื่นให้ดูกันอีกครับ